ประสาน-เติมเต็ม-ลงมือทำ เดินหน้างานสร้างเสริมสุขภาพ นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองประธานกรรมการกองทุน สสส. คนที่ 2
“ผมชอบทำงานอยู่เบื้องหลัง จะได้คอยเชื่อมประสานกับคนนั้น คนนี้ เพราะงานจะดีได้อาศัยแค่หลักการดี ๆ อย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องลงมือทำให้ลึกไปถึงระดับโครงสร้างที่สำคัญด้วย งานจึงเดินหน้า”
นี่เป็นหลักคิดที่สะท้อนการทำงานในแวดวงสาธารณสุขของ “นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย” มาตลอดกว่า 40 ปี แม้วันนี้ได้ปรับบทบาทมาทำหน้าที่ รองประธานกรรมการกองทุน สสส. คนที่ 2 แล้ว แต่เชื่อเหลือเกินว่า วิธีการทำงานที่เน้น “ประสาน” “เติมเต็ม” เพื่อ “ลงมือทำ” ร่วมกับภาคีและภาคประชาสังคมน่าจะมีส่วนช่วยให้งานสร้างเสริมสุขภาพแบบ สสส. เดินหน้าไม่หยุด
“ประสบการณ์” ตลอดชีวิตการทำงานที่ผ่านมา ได้ให้บทเรียนอะไรกับความท้าทายในบทบาทใหม่รอบนี้ หาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน กับ Exclusive Interview by สสส.
** จุดแข็งระบบสุขภาพไทย **
คุณหมอสุรเชษฐ์ ออกตัวว่า จบแพทย์มาตั้งแต่ปี 2523 แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ยุคสมัยเปลี่ยน แต่เรื่องราวในวงการสุขภาพไทยก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าตลอดช่วงที่ผ่านมาไทยต้องเผชิญกับวิกฤตด้านสาธารณสุข รวมถึงปัจจัยเสี่ยงสุขภาพที่กระทบต่อวิถีชีวิตของผู้คนมาอย่างต่อเนื่อง แต่ที่เป็นจุดแข็ง และช่วยให้ไทยผ่านพ้นมาแทบทุกวิกฤต คุณหมอสุรเชษฐ์ เชื่อว่า มาจากการวางรากฐานของ “ระบบบริการสุขภาพ” ที่มีเครือข่ายทั่วประเทศ ที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เป็นต้นทุนที่เข้มแข็งของไทย เพราะที่ผ่านมาสิ่งนี้ได้ขยายตัว และทำให้ประชาชนแทบทุกระดับได้รับบริการสุขภาพอย่างทั่วถึง ไล่ตั้งแต่ ระดับต้น หรือ ระดับปฐมภูมิ ที่ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการรักษา การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคเบื้องต้น ในสถานบริการสาธารณสุขที่กระจายอยู่ทุกตำบล ชุมชน ทั่วประเทศ ไปจนถึงระบบบริการสุขภาพขั้นสูง หรือ ตติยภูมิ ที่เน้นการรักษาโรคที่สลับซับซ้อน ต้องการความเชี่ยวชาญจากแพทย์ และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย
ดังนั้นเมื่อระบบบริการสุขภาพถูกจัดวางไว้อย่างทั่วถึง จึงทำให้การขับเคลื่อนงานด้านสุขภาพเดินหน้าไปได้อย่างไม่มีสะดุด สำคัญกว่านั้นคือโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบบริการสุขภาพที่ได้ถูกวางเอาไว้ มีส่วนทำให้ไทยใช้งบประมาณด้านสุขภาพไปเพียง 4-5% จาก GDP ซึ่งไม่สูงมาก กับการบริหารจัดการทุกมิติด้านสุขภาพ
“ผมภูมิใจที่ช่วยผลักดันจนทำให้คนไทยเห็นความสำคัญของแพทย์ฉุกเฉิน โดยมี พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน ปี 2551 รู้จักสายด่วน 1669 มากขึ้น ได้รู้จักสิทธิ์ของตัวเอง และทำให้สามารถช่วยชีวิต และช่วยให้ผู้ป่วยวิกฤตจำนวนไม่น้อยได้เข้าถึงการรักษาอย่างรวดเร็ว อย่างแนวทางที่ขับเคลื่อนจนทำให้โรงพยาบาลระดับอำเภอ สามารถให้ยาสลายลิ่มเลือดเมื่อเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจเฉียบพลันได้ ทั้งที่เมื่อก่อนหากใครเจ็บป่วยด้วยอาการทางสมอง และหัวใจ ก็จะต้องมุ่งหน้าพาผู้ป่วยไปที่โรงพยาบาลใหญ่ ๆ อย่างเดียว ซึ่งอาจไม่ทันเวลา แต่ตอนนี้หมอในชุมชนก็สามารถช่วยชีวิตได้แล้ว ถือเป็นเรื่องเล็ก ๆ ในระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่ผลักดันจนเห็นประโยชน์ ช่วยต่อชีวิตให้กับหลายต่อหลายคนที่อยู่ในภาวะวิกฤต แม้หลายเรื่องยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่ทุกฝ่ายก็ยังคงร่วมกันขับเคลื่อนต่อไป”
** เสริมประสิทธิภาพ สสส. เดินหน้าสู่สังคมสุขภาวะยั่งยืน **
จากประสบการณ์ 40 ปี ในแวดวงสาธารณสุข จนมาถึงวันที่ คุณหมอสุรเชษฐ์ ก้าวมาสู่การเป็นหนึ่งในผู้ร่วมขับเคลื่อนทิศทางการสร้างเสริมสุขภาพร่วมกับ สสส. แน่นอนว่าหลักคิดการทำงานที่คุณหมอยังถือเป็นธงนำเหมือนเดิม คือ การเป็นตัวประสาน เติมเต็ม ให้ภาคีทุกภาคส่วนทำงานร่วมกับระบบหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และในภาวะที่เรื่องทุกเรื่องส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ และสุขภาพทางสังคม อย่างที่องค์การอนามัยโลกให้คำจำกัดความไว้ว่า Health In All – All In Health ซึ่งคุณหมอ มองว่า สิ่งนี้ยิ่งตอกย้ำมากขึ้นเมื่อทั่วโลกเผชิญกับวิกฤตโรคระบาดอย่างโควิด-19 โดยเฉพาะบ้านเราเอง ที่โควิดได้เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ทุกด้าน ระบบนึกคิด รวมถึงสิ่งแวดล้อม ทุกอย่างเกิดขึ้นมาแล้วล้วนมีผลต่อสุขภาพทั้งสิ้น
คุณหมอสุรเชษฐ์ เชื่อว่า ในยุคที่หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงจนเดินไปสู่การมีชีวิตวิถีใหม่ บทบาทการทำงานของ สสส. จึงเข้ามามีส่วนสำคัญและช่วย “เติมเต็ม” ให้กับสังคม ดึงทุกภาคส่วนเข้ามาขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาพ แต่ก็เหมือนอย่างคุณหมอบอกคือ จะเดินหน้าด้วยหลักการอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ต้องลงรายละเอียดด้วย
“ที่ผ่านมาเราได้เห็นว่า สสส. ไม่ใช่แค่ลงทุนเพื่อเน้นหลักการ แต่หลาย ๆ เรื่องพิสูจน์ชัดเจนว่า สสส. เข้ามาช่วยสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้น เช่น เรื่องลด ละ เลิก บุหรี่ ไทยได้รับยกย่องจากทั่วโลกว่าทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรื่องอาหาร เรื่องอุบัติเหตุ แม้แต่สุขภาวะทางเพศ สสส. สามารถสร้างความตื่นตัวให้สังคม"
ก้าวต่อไปของ สสส. จากนี้ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของผู้กำหนดทิศทาง และร่วมขับเคลื่อนงาน คุณหมอสุรเชษฐ์ ก็เห็นว่า งานของ สสส. ยังไม่จบ มีสิ่งท้าทายใหม่ ๆ มากขึ้นกว่าเดิมมาก และยังต้องเดินต่อ ดังนั้นเมื่ออาสาเข้ามาทำงานแล้ว เรื่องใหญ่ที่สุดคือต้องช่วยประสาน และดึงภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามาเป็นภาคีสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อทำให้การทำงานของ สสส. เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะการมีส่วนร่วมของทุกคน คือ หนทางสู่การสร้างสังคมอย่างยั่งยืน